Underground Flowers | ดอกไม้..ใต้พิภพ | Thai





  | ดอกไม้ใต้ พิ ภ พ | Underground Flowers |


วันนี้จะเอ่ยถึง ด อ ก ไ ม้ ใต้พิภพ 
 ฟังดีๆ ก็จะได้ทราบว่า ดอกไม้ใต้พิภพ คืออะไร ...นั่นก็คือ 
ป ะ ก า รั ง นั่นเอง 

ส่วนบนพิภพก็คือ  บนดินที่มีดอกไม้หลายชนิดนานาพันธุ์หลากหลายสีอย่าง ดอกกุหลาบ ดอกเบญจมาศ ดอกพิกุล ดอกกระดังงา ดอกชบา ดอกกล้วยไม้ หรือดอกทานตะวันเป็นต้น
แม้แต่ดอกอัญชัน ดอกชบา ดอกลำดวน ดอกมะลิ ล้วนแต่เป็นสีสันอันงดงามในผืนปฐพี ดอกบัวตอง ดอกบัวหลวง ดอกบัวขาว ดอกกระเจียว ดอกรวงข้าว ล้วนแต่เป็นดอกไม้หลากสีนานาพันธุ์ที่ธรรมชาติจัดสรรให้ ให้มวลมนุษย์โลกทั้งหลายได้ดู และได้ชมได้ยลโฉมอันงดงาม ล้วนแต่เป็นดอกไม้เอามาประยุกต์ และทำประโยชน์ได้ทั้งสิ้น และมันเป็นสีสันอันงดงามที่ธรรมชาติในดินเป็นผู้สรรหานั้นมาแล้ว 

เพราะฉะนั้นดอกไม้ใต้พิภพที่เราเห็นกันอยู่นั้นคือปะการัง ปะการังมีหลากหลายชนิด ล้วนแต่เป็นสีสันอันงดงาม มันก็อยู่ใต้พิภพนั่นเอง อันนี้ก็แปลว่า ดอกไม้ใต้พิภพ ที่มนุษย์โลกพากันแสวงหา ขุดเจาะ หรือไปสำรวจหาใต้พิภพใต้ท้องทะเลเป็นต้น

เพราะฉะนั้นมนุษย์สุดแสนจะอนาถ แต่ก็มีความสามารถนั้นเหลือหลาย แต่ก็น่าเสียดาย มักง่าย ไม่ทันเหตุการณ์ ไม่รู้ทันกิเลสตัว สู้เป็นดอกไม้ที่เจ็ดวันหรือสามวันร่วงโรยก็ไม่ได้ เพราะมันมีสีสันอันหลากหลายตามต้นที่มันมี ไม่ว่าจะเป็นดอกแค สามารถนำมาประยุกติ์เป็นอาหารได้มากมาย อย่างดอกแคเอามาแกงส้ม ดอกมะรุมเอามาแกงส้มได้ ถ้าจะเปรียบเทียบแล้ว ดอกไม้นั้นนับประมาณไม่ถ้วน มันมีหลากหลายชนิดหลากหลายสีหลายยี่ห้อ จนไม่สามารถบรรยายได้ เพราะฉะนั้นคนเราถ้ามีจิตใจที่งดงาม มีจิตใจที่หลากสี สามารถขจัดกิเลสใน อาสวะได้ จิตก็จะงามบานสะพรั่งดั่งเช่นดอกไม้ เหมือนดอกไม้อยู่ใต้พิภพนั้น จงสยบนั้นให้ได้ กว่าจะสยบ ... ให้ได้ก็ต้องเสี่ยงภัย ก็คือต้องเข้าไปอยู่ใต้ท้องทะเลอันลึกมหาศาลถึงไปเก็บภพนั้นขึ้นมาอวดตระการตาบนโลกมนุษย์ได้ฉันใด 

 เพราะฉะนั้น ค น หนอ ค น ช่างขวักไขว่ไปได้หลากหลาย หลายยี่ห้อ หลายแขนง ล้วนแต่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ถ้ามองที่ตา จะรู้ว่านั่นแหละเป็นสิ่งที่ปรุงแต่ง แต่ดอกไม้ที่มีหลากสีที่ให้เราทุกคนได้ดูและเห็นทุกวันนี้ ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่งดงาม และเป็นสีที่สวยงามมาก มันก็แต่งแต้มและตกแต่งธรรมชาติเอาไว้ให้พวกเราทั้งหลายนั้นหลงใหลได้เช่นเดียวกัน 

 เพราะฉะนั้นการที่พวกเราทั้งหลงมักง่าย อยากได้ในสิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็น่าจะอายซึ่งดอกไม้มันเสียบ้าง อย่างดอกกุหลาบ ดอกอัญชัน หรือดอกทานตะวัน ล้วนแต่มีชีวิตเช่นเดียวเหมือนกับเรา เพียงแต่พวกเขานั้นพูดไม่ได้และก็เอ่ยไม่ได้เช่นนั้นเองว่า เป็นเช่นนั้นเป็นเช่นนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ก็น่าคิด เพราะว่าการที่ดอกไม้ล้วนหลากสี แต่มนุษย์เรานี้ล้วนมากใจ มีมาก มีมักง่าย ใจมักง่าย ใจฝักใฝ่ไปขึ้นที่ต่างๆ โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงหลักความจริงว่า 

 ชีวิตนี้ช่างน่าอายซึ่งดอกไม้นั้น เพราะมัวแต่เอาการพนันแต่ในร่างกายมัวแต่ตกแต่งไปกับสิ่งของตั้งแต่เส้นผมยันเล็บ ย้อมสีกันสนั่นพะลันพะเลื่อน อย่างบางคนนั้นย้อมผมหลากสีมาก ก็เปรียบได้ว่าปรุงแต่งเหมือนดอกไม้ และเหมือนดอกปะการังที่อยู่ใต้มหาสมุทรฉันใด เพราะฉะนั้น ธรรมชาติมันตกแต่งให้พวกเราทั้งหลายได้อยู่ได้อาศัย และตกแต่งให้ได้อยู่สวยงามและหรูหราอลังการ พร้อมที่จะลืมและพร้อมที่หลงกับมันได้ 

โดยลืมไปว่าจิตใจ สมาธิ และก็ปัญญาได้ค้นหาซึ่งสัจธรรม เพื่อที่จะไม่ต้องหลงในใต้พิภพ ก็คือใต้แม่น้ำมหาสมุทรนั่นเอง เพราะฉะนั้นเธอจงไปเป็นนักเลงในการฆ่ากิเลส อัสวะตัว จะได้ไม่ต้องกลัวว่า ตายไปแล้วจะไปทำอะไร  

ถ้ายังไม่ทำความดีซะแต่ตอนมีชีวิต บอกได้เลยว่า เมื่อสังขารร่วงโรย และตายไปก็คงไม่ต้องเสียดายว่า ร่างกายจะไม่เป็นอะไร มันคงไปเป็นการตกแต่งเป็นสีสัน ให้ประดับประดาบนพื้นปฐพีนี้นั้นอยู่แล้ว ในร่างกายของมวลมนุษย์ 

 เพราะฉะนั้นมวลมนุษย์ทั้งหลายจงอย่าพยายามปรุงแต่งแย่งสามี แย่งภรรยากันอยู่เลย จงพากัน”ละ” จะไม่อายกายา คือดอกไม้ที่มันมีหลากหลายสีนานาพันธุ์ที่ประดับไว้บนดิน 

เมื่อกายตายบนดินจะได้ไม่อายปะการัง 
ที่มันรั้งไปอยู่ใต้พิภพนั่นก็คือกระดูกมนุษย์ 
ที่มันสั่งสมหลายๆ ร้อยหลายๆล้านปีทีเดียว 

 ถ้าไม่เชื่อลองพิสูจน์มันก็มีชีวิตเหมือนกัน แต่ปะการังนั้น นักวิจัยไม่ได้วิจัยว่า มันมาจากกระดูกของมนุษย์โลก ที่มันสั่นและมันคลอนไปทั่วอาณาจักรของโลกใบนี้ มันมีการฝนตกและมีการ รองซึมซับ และมันก็กรองเอาปะการังนั่นแหละจับตัวก็คือกระดูกของมนุษย์นั่นเอง 

 เพราะฉะนั้นที่นักวิจัยทั้งหลาย ผู้ไม่ฉลาดในการสำรวจวิจัยธรณี หรือวิจัยท้องทะเลก็ไม่รู้ได้ว่า ปะการังมาจากไหน? เพราะอะไร? บางคนเข้าใจว่าเป็นเปลือกหอยบ้าง บางคนเข้าใจว่าเป็นอันนั้นอันนี้ อันนี้ก็มีส่วนผสมด้วยเช่นเดียวกัน 

 แต่สิ่งที่มันก่อเกิดเป็นปะการังนั้น ก่อเกิดมาจากกระดูกมนุษย์ กระดูกมนุษย์นั้นมากมายมหาศาลนับไม่รู้กี่ร้อยล้านปีมาแล้ว มวลมนุษย์สัตว์โลกทั้งหลายนั่นแหละ และแล้วจนมันได้กลั่นกรองมาเป็นปะการัง ฟังให้ดีจะได้มีปัญญา จะได้ไม่หลงว่าจะต้องไปฆ่าซึ่งปะการัง 

ที่มันเป็นดอกไม้อยู่ใต้พิภพ
สิ่งนี้มันก็คือกระดูกสัตว์นานาชนิดที่มันปะปนและวกวนอยู่ในสังสารวัฏที่มันยาวไกล ไม่รู้กี่โกษกี่ล้านปีมาแล้ว 
ฟอสซิลในกระดูกของปะการัง คือฟอสซิลที่อยู่ในปะการังมีกระดูกมนุษย์ปะปนและกระดูกสัตว์นานาชนิดที่ปะปนอยู่ในนั้น 

 ถ้าไม่เชื่อลองเอาไปวิจัยดูจะรู้ได้ ฟอสซิลที่อยู่เป็นตัวเป็นตนในปะการังที่มันมีชีวิตและมีความเน่านั้นมันเป็นสิ่งมีชีวิต เพราะมันกรองเอาน้ำทะเลทั้งหมดแล้วก็เอามากิน กินจนในที่สุดมันก็เป็นปะการังอันใหญ่มหึมาแล้วก็มีหลากสีนานาพันธุ์ก็เปรียบเสมือนดอกไม้ที่มันอยู่บนดินที่มนุษย์เก็บกันและก็ขาย และก็เอามาประดับประดาแต่งบ้านซะให้หรูหรา เริ่ดหรูแล้วก็เชิดตามสไตล์ของยุโรป หรือตามสไตล์ของฝรั่งเศส หรือตามสไตล์ของคนทั่วไป และทั้งในโลกใบนี้ แต่โดยมากแล้วทางยุโรปจะชอบดอกไม้เป็นชีวิตจิตใจไม่ว่าจะเป็นดอกป๊อบปี้ หรือดอกอะไรก็แล้วแต่ ทางยุโรปจะชอบดอกไม้มาก กับทางฝรั่งเศสจะมีดอกไม้ตกแต่งบ้านจะเป็นคลาสสิคของเขา จะเป็นดอกไม้ประดับจะมีดอกไม้มาก ... และมาเมืองใหญ่ในยุคปัจจุบันนี้ก็มีแนวโน้มว่า ตามประเทศนอกเขา เมืองนอกเขา 

เพราะฉะนั้นการที่มี ... หรือฟอสซิลที่เขาเรียกอยู่ใต้ท้องพิภพหรือใต้ท้องทะเลนั้น และบางทีมันก็เป็นแร่หรือเป็นมุกอันงดงามที่มนุษย์สรรหาเอามาเจียระไน เพื่อใส่ไปงานหรูหราในปัจจุบันนี้ สิ่งนี้แหละแกะให้ดีๆ จะได้มีปัญญา 

ไม่ต้องกลัวเลยว่า ตายแล้วไม่เกิด ถ้าหากว่าชีวิตนี้ไม่บรรลุอรหันต์หรือไม่หลุดพ้นจากภัยวัฏฏสงสารนี้ มันก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นดอกไม้นานาพันธ์ นานาชนิดที่มันตั้งอยู่บนโลกใบนี้แน่นอน... 

เราจะสอนให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายให้เข้าใจว่า  
สิ่งทั้งหมดอย่าหลงในร่างกายให้มาก
 ดวงตาที่มีก็อย่าปรุงแต่งให้เยอะ 
ปากที่มีก็อย่าสรรอยากหามากมาประดับในตัว  
จมูกได้กลิ่นก็อย่าพึ่งไปเอามาชมเชย 

เพราะฉะนั้นปากที่ลิ้มรส อย่าคิดว่าสิ่งนั้นดี อย่าเอามาเก็บกักตุนฟังให้ดีๆ ก็น่าอาดูรนักในยุคปัจจุบันนี้ ......ความดีมัวแต่ตระหนี่อยู่นั่น  

มัวแต่แบ่งดินแดน
แย่งแคว้นแบ่งดินแดนกัน
แม้แต่แม่น้ำก็ต้องแบ่งกัน 
อากาศก็ต้องแบ่งกัน 
น้ำก็ต้องแบ่งกัน
ดินก็ต้องแบ่งกัน ทรัพย์สินก็ต้องแบ่งกัน 
ทุกสิ่งอย่างก็ล้วนแต่แบ่งมั และก็ปรุงแต่งไปตามนานาชนิด 
ที่ตนเองนั้นปรุงและสรรหาที่ซึ่งเอามาไว้เป็นของตนเอง... ก็เปรียบเสมือนดอกไม้ที่ตนเอง บรรเลงไปทั่วปฐพีนับประมาณไม่ถ้วน ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชนิด  

ส่วนดอกไม้ใต้พิภพนั้นก็คือปะการัง อันมีสีสวยและงดงาม มีสัตว์นานาชนิดที่มันแหวกว่ายไปยลโฉมของมัน และก็ไปกัดกินเพื่อเป็นอาหารของสัตว์ เหมือนกัน อันนี้พวกเรามนุษย์โลกเป็นผู้ที่เก่งมากก็สามารถที่จะลงไปสำรวจใต้พิภพได้คือมียวดยานเรือใต้น้ำ ที่ใช้เทคโนโลยีอันยอดเยี่ยม แล้วทำไมมนุษย์ทั้งหลาย หรือเราทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือคนทั้งโลกใบนี้  

ทำไมไม่พากันขนขวายในสัจธรรม คำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าบ้าง เพื่อจะได้เอาไปใช้ได้ถูกหนทางชีวิต ว่าชีวิตจริงๆ แล้ว เกิดมาแล้วต้องการอะไรบ้าง 
ต้องการรถหรูหรือ  
ต้องการที่ดินเป็นหมื่นไร่เป็นแสนไร่หรือ 
ต้องการบ้านเป็นพันเป็นหมื่นหลังหรือ 
หรือต้องการเงินเป็นแสน เป็นล้านหรือ 

อันนี้ก็ไม่ใช่ ฟังให้ดีๆ สิ่งนี้ไม่ได้ตั้งไว้ในกฎธรรมประเพณี เพราะฉะนั้นการที่จะเป็นคนดีต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว 
น้ำหนึ่งใจเดียวที่ว่านั้นคือ น้ำ ใ จ น้ำใจใฝ่ในครอบครัว ต้องมีสามีเดียว และก็มีภรรยาเดียว 

 อันนี้จะได้ครองเรือนอย่างมีความสุข  
จะได้ไปปรุงแต่งให้เหมือนดอกไม้ที่ประดับประดาไปทั่วอาณาจักรของประเทศ หรือทั่วอาณาจักรของโลกใบนี้ ที่มีเนื้อที่ไม่ถึงหนึ่งแสนโกศกิโล เพราะมันมีพื้นที่ทั้งหมด ไม่ยาวไกลเท่าไหร่ในโลกใบนี้ สูงไม่เท่าไหร่และต่ำไม่เท่าไหร่ โดยวัดโดยรอบแล้วไม่กี่ล้านตารางกิโลเมตรเท่านั้น

เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็น นักเลงในการฆ่า คือฆ่ากิเลส จงเป็นนักฆ่าในการปรุงแต่ง ฆ่าในการหยิบยืม ฆ่าในการหยิบฉวยของกิเลสที่มันสังเวชอยู่ในสังขารร่างกาย และก็จิตใจ ปัญญาจะได้เกิดขึ้น ก็จะไม่ฝืนในธรรมชาติ เพราะธรรมนั้นแต่งแต้มด้วยสีสันของธรรมชาติมาตั้งนานแล้ว เ ร า ทั้ ง ห ล า ย ต่างหากน่าจะอายซึ่งธรรมชาติ น่าจะอายซึ่งดอกไม้บนดิน และดอกไม้ใต้พิภพ เราทั้งหลายควรจะสยบ ขบให้แตก แยกให้ได้ 

ชีวิตจริงๆ จะได้มีความหมาย บวกด้วยเรือนกายอันสดใส จะได้ไม่ไปตกลงอยู่ในกรงของความอยากมากเกินเหตุผล บางคนจนแทบตายก็ดิ้นรนเพื่อไปยืมหนี้สินเค้ามาเพื่อเอามาประดับประดาหน้าตาให้สวย อันนี้ก็น่าสังเวช เพราะร่างกายอีกไม่น่านก็ต้องร่วงโรย  

เปรียบเสมือนดอกไม้อีกไม่นานก็ต้องร่วงโรยไร้แล้วซึ่งเกสร พวกมวลมนุษย์ทั้งหลายก็ต้องร่วงโรยไปตามอัตภาพ ในกาลเวลาของมัน เพราะฉะนั้นหนุ่มๆสาวๆ ทั้งหลาย อย่าคิดว่าตนนั้นเป็นดอกไม้อันสวยหรู   ซึ่งความสวยอลังการ 

ถึงจะเป็นนางงามจักรวาล  ก็ต้องร่วงโรยไปตามกาลเวลา 

จงรู้ไว้ว่า สิ่งเหล่านี้ไม่มีใคร เกินกว่าหลักของความจริง  ว่าต้องร่วงโรยไป ดอกไม้มีหลากสีสัน สวยงามปานใดใต้พิภพ หรือผืนพิภพ หรือผืนดิน ในที่สุดมันสั่นไปตามกาลเวลาในยุทธภพนี้ในสังสารวัฏนี้ ในวัฏฏะนี้ 

เพราะฉะนั้นสิ่งทั้งหมดที่เหลือไว้ ก็ให้เตือนใจเตือนสติเตือนปัญญา 
ก็จะได้รู้ค่าของชีวิตว่าเกิดมาแล้ว  
ก็คงไม่แคล้วต้องตายแน่ 
เปรียบเสมือนดอกไม้ที่เปรียบมาร้อยพันนานาชนิด  
ยกขึ้นมาเปรียบเปรย หลากสีล้วนแต่อันงาม ราคาเป็นหมื่นเป็นแสนที่แขวนไว้อันสวยหรู 

ก็เปรียบเสมือนพวกเธอหญิงชายทั้งหลาย ผู้ที่เป็นผู้แขวน ขวนขวายเหมือนกันก็คือ  

"แขวนร่างไว้ในกระดูกที่ผุแล้วก็เดินไปมา"  

สรรหาในสิ่งอยากที่อยู่ในปฐพีนี้มากมี ล้วนสมมติเช่นเดียวกัน เหมือนกับดอกไม้นานาพันธ์หลายชนิดที่เอามาโชว์ ออกประกวดรางวัลกันเลิศ เชิดรางวัลกันหรูหรา มีหน้าตาอันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ลืมไปว่า สักวันตัวเองก็เป็นดั่งเช่นดอกไม้นั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป 

ในที่สุด ชีวิตจริงๆ น่าจะอายซึ่งดอกไม้ 
 เพราะว่าดอกไม้นั้นโค่นหรือตัดจากต้น จากกิ่งแล้ว 
ก็ยังสามารถเอามาชะลอไว้ได้หลายวัน 
แต่พวกเรานั่นสิน่าเสียดาย เมื่อร่างกายสูญสลาย ธาตุสี่ตาย ลมหายใจขาดไปจากร่างกายเมื่อไหร่ ภายใน สองวันก็ต้องเน่า 

ไม่ว่าจะสวยเลิศสักปานใด รวยเลิศสักปานใด หรือระดับไฮโซ แขวนประดับด้วยเพชรพลอยที่มีความสวยหรู อลังการสักปานใด                
               เมื่อถึงตอนตายก็เท่ากัน 
               ก็ไม่มีราคาเท่าดอกไม้
               ที่เขาเอามาแขวนขายซะด้วยซ้ำ 

 เพราะฉะนั้นจำให้ดี ตีให้แตก แยกออกให้ได้ ถ้าจำให้ดีๆ ตีความหมายให้แตก แล้วเธอทั้งหลายทั้งหญิง-ชาย ก็จะได้ไม่อายซึ่งดอกไม้ จะได้ตัดก่อนแต่ง ชีวิตจะได้ไม่แบ่งชั้นวรรณะ 

 คำว่าตัดก่อนแต่ง  
เพราะว่าดอกไม้ต้องตัดไปก่อน   แล้วค่อยแต่งตามหลัง แต่พวกเธอทั้งหลาย แต่งงานแล้วในที่สุดก็หย่าร้างพังทะลาย ยังไม่ทันไปถึงยังที่ฝั่งเลย เรือก็ล่มกันเสียทั้งหมด แล้วยิ่งปัจจุบันนี้ 
อายุประมาณ ๓๕-๓๖ หรือตีว่า ๔๕-๕๐ จะหย่าร้างเยอะมาก และก็เป็นแม่ม่ายเยอะมาก เพราะว่าหลัก ๔๐-๕๐ นั้น ทิ้งระยะการครองเรือนก็คือว่า ไม่ได้ฝึกการครองเรือนเหมือนพระนางวิสาขา ไม่ฝึกการเป็นภรรยาที่ถูกต้อง เป็นแม่บ้านที่ถูกต้อง ต่างคนก็เห็นแก่ตัว ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายต่างก็มีความมักง่ายเท่าๆกัน สิ่งที่ตามมาก็คือ ครอบครัวก็แตกแยก โดยที่ไม่หันหน้าเข้าหากัน ในที่สุด ครอบครัวก็แตกร้าว ผลสุดท้ายก็หย่าร้าง สิ่งที่ตามมาก็คือลูกก็เป็นปมด้อย เพราะคอยพ่อทีคอยแม่ที 

 อันนี้ก็น่าคิดในยุคปัจจุบันนี้ นับตั้งแต่ปี 2546-2549 มีการแตกร้าวกันนับไม่ถ้วน เพราะว่าไม่ได้ดับชนวนในการอยากนั่นเอง ไม่ได้ดับชนวนในการมักง่าย ไม่ได้พิจารณา ไม่ได้ดูที่ตัวเองทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย คิดว่าการแต่งงานมันสนุกสินะ แท้ที่ไม่ใช่หรอกจะบอกให้ สนุกแต่พอเริ่มแรก พอมีบุตรแล้วความทุกข์ก็เริ่มตามมา น้ำตาก็เริ่มนองหน้า 

 อันนี้ก็มีมานับไม่ถ้วน ตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนปัจจุบันนี้ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ มันมีมากกว่าก็คือว่า ผู้หญิงเก่งกว่าผู้ชาย อันนี้ก็ดูกันได้ในยุคปัจจุบัน ก็เปรียบเสมือนดอกไม้ที่ตัดแล้วก็ปรุงแต่ง แล้วก็เอามาผสมพันธ์นานาชนิด ก็เปรียบเสมือนกับผู้หญิงและผู้ชาย ณ ปัจจุบันนี้ มีการเปรียบเปรยและมีการแต่งตัวแข่งกันทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ผลสุดท้ายสิ่งนั้นก็คือมักง่าย แยกไม่ถูกผูกไม่ได้ว่า นั่นหญิงหรือชาย บางคนถึงกับเอากายไปประกวดนางงามจักรวาล บางคนถึงกับเอาสรีระร่างกายสวยยิ่งกว่าผู้หญิงเป็นต้น อันนี้เขาเรียกว่าประเภทสอง ก็เปรียบเหมือนต้นไม้ และดอกไม้หลากพันธ์ที่มันตัดเอามาผสมพันธ์ และก็มีสีสันอันงดงามฉันใด 

พวกเธอทั้งหลาย จงอายดอกไม้ที่ใต้พิภพ  
ขบให้แตกแยกให้ถูกต้องจะได้ไม่หมองเศร้า
จะได้ ไ ม่ เ ข ล า เหมือนดอกไม้
ผลสุดท้ายต้องร่วงโรยเมื่อกาลเวลามาถึงดึงไม่อยู่ 

เปรียบเสมือนพวกเธอทั้งหลายที่รักสวยรักงาม ผลสุดท้ายหน้าตาที่ห้อหุ้มด้วยพลาสติกและก็ยกขึ้นมาห่อหุ้มด้วยพลาสติก และก็ยกขึ้นมาด้วยซิลิโคน และ
พลาสติกทั้งหลายนั้นไม่ว่าจะเป็นจมูก หน้าอก สัดส่วนทุกเรือนร่างที่พวกเธอนั้น อ้าง   เขาเอาพลาสติกเอาทำขึ้นมาจากต้นยางนั่นเอง เป็นเจลอย่างนี้เป็นต้น 

ผลสุดท้ายร่างกายเธอก็เน่าเขลาไหม๊ อย่าโง่เลย พ่อ,แม่ให้มาขนาดไหน พวกเธอทั้งหลายหญิง-ชายน่าจะพอใจ ผลสุดท้ายมะเร็งก็กินตับบวกด้วยไต เป็นยังไงสะใจไหม อันนี้ไม่ต้องไปร้องขอกับใครเพราะว่าสมัครใจทำกันเอง เค้าให้เกิดเป็นนักเลงฆ่ากิเลสตัวจะได้ไม่ต้องกลั้วในอบาย ไม่ต้องตกลงไปในหลุมพรางอันมักง่าย ไม่ต้องตกลงไปในเกียรติ กาม โลกีย์ รักสวยงาม หรู หลง เริด จนจำไม่ได้ว่าผู้หญิงหรือเนี้ย ผู้ชายหรือเนี้ย 

ไม่รู้ใครเป็นใคร ขวักไขว่กันไปหมด ผู้ชายก็มีหน้าอก ผู้หญิงก็มีหน้าอก ขวักไขว่กันไปหมดยกไปด้วยพลาสติก ดูดีๆ ก็น่าขำ น่าอายดอกไม้นานาพันธ์ทุกชนิดที่มันเกิดอยู่ในผืนปฐพีทั่วโลก

 เพราะฉะนั้นพวกเธอน่าจะโบกมือกราบ หรือไม่ก็กราบดอกไม้นานาพันธ์นั้นว่า พวกเธอถึงเวลาก็ต้องโรยรากันไปตามเวลา.. ตอนที่ร่างกายเธอโดนพลาสติกที่ยกให้สวยหรูนั้น ตัดตกแต่งตัวต่อ บางคนนั้นถึงกับตัดต่อ ตัดข้อในกระดูกให้สูง พยุงร่างให้สูงขึ้น ดูแล้วน่าสังเวชเวทนาหนอ 

 ขออะไรไม่ขอ 
 ขอให้สูงขึ้น
 แทนที่จะขอจิตใจนั้นให้สูงขึ้น 
 ยกจิต ยกใจนั้นให้สูงขึ้น 
 ดันไปตัดต่อข้อกระดูก ไปขอกระดูกเลื่อนให้สูงขึ้น 
 มันช่างฝืนกฎธรรมชาติ เธอจะสูงสักเพียงใด มีสตางค์สักกี่ร้อยล้าน ผลสุดท้ายกระดูกนั้นของเธอนั้นติดดินสิ้นไปในสังขาร 

เพราะฉะนั้นเธอทั้งหลายควรจะอายซึ่งดอกไม้นานาพันธ์ชนิดที่มันอยู่ใต้พิภพและในผืนดินอันหลากหลายนะหญิง -ชาย

 อย่าด้ตัดตกแต่งร่างกายด้วยพลาสติก 
เหมือนที่ตัดดอกไม้ในแจกัน เพราะอายุเธอนั้นสั้น 
เพราะเธอไม่ใช่ดอกไม้ แต่เธอนั้นเป็นร่างกายที่บูดเน่า เธออย่าเขลากับมัน อย่างมงาย
ในพลาสติกที่ตกแต่งอย่ามัวเขลากับมัน มันไม่ใช่ดอกไม้ ถ้าดอกไม้ตกแต่งบนแจกันพนันได้เลยว่า อยู่ได้หลายสิบปี หรืออาจจะได้หลายร้อยปี คือดอกไม้พลาสติกอยู่ได้นาน 

แต่พวกเธอตัดตกแต่งกับพลาสติกอีกไม่นานเธอจะต้องเน่า เ ข ล า ไ ห ม อันนี้คิดแล้วก็น่าขำ เพราะฉะนั้น

เธอทั้งหลายทั้งหญิง -ชาย 
 ควรจะยกจิตออกจากกาย 
คือยกใจให้สูงขึ้นอย่าได้ฝืนธรรมชาติ  
จะอายซึ่งดอกไม้ที่หลากหลายกว่า 

 จงอายซึ่งพลาสติก มันไม่ใช่สิ่งที่มันถูกต้อง แต่จงยกตัวเองขอต่อตัวเอง คือต่อให้ใจสูงจากใจที่ต่ำลง ก็อยากให้ทุกคนในโลกใบนี้.. หรือในภูมิประเทศชาวไทยเราทั้งหลาย ต่อจิตใจที่สูง ปัญญาที่แจ้งขึ้น และก็สติที่ดีขึ้น ปัญญาจะตามมา และปัญญาก็จะเจิดจ้าเหมือนแสงอาทิตย์ หรือแสงสว่างเหมือนดวงจันทร์ อย่างนี้สิเขาเรียกว่าดีแน่ ไม่แก่ตาย

เพราะพลาสติก จะได้ไม่อายดอกไม้นานาพันธ์ในผืนปฐพีนี้ เธอจงยกใจจากใจที่ต่อมันตั้งให้สูงขึ้น สูงขึ้นชนิดที่ว่า รู้ธรรมได้ รู้จักว่าร่างกายนี้ จะต่อห่อด้วยพลาสติกอีกไม่นานก็ต้องเน่า กระดูกที่ต่อขึ้นให้ยาวอีกไม่นานก็ต้องติดดิน ควรถวิลกันได้แล้ว รีบแจวจิตคิดการณ์ไกล ชีวิตเธอทั้งหลายจะได้ไม่ต้องอายดอกไม้ใต้พิภพ และก็ดอกไม้หลากหลายชนิด และดอกไม้พลาสติกที่ปักบนแจกันเอย.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทุกอย่าง.....ล้ ว น ส ม มุ ติ | Thai

คำว่า "ยก" | Thai